นายกฯ สั่งยกระดับ “ภาษาอังกฤษ” เล็งกำหนดเกณฑ์เรียนจบ ป.ตรี ต้องผ่านระดับ B2

นายกฯ สั่งยกระดับ “ภาษาอังกฤษ” เล็งกำหนดเกณฑ์เรียนจบ ป.ตรี ต้องผ่านระดับ B2

วานนี้ (25 ม.ค.) ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงการศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้ออกประกาศ เรื่องนโยบายการยกระดับมาตรฐานภาษาอังกฤษในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.2567 เพื่อยกระดับความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของผู้สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยกำหนด เป้าหมายพัฒนาการจัดการเรียนการสอน ส่งเสริมสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมต่อการเรียนรู้ รวมถึงกำหนดให้นักศึกษาทุกคน สอบวัดความรู้และทักษะภาษาอังกฤษก่อนสำเร็จการศึกษา ตามแบบทดสอบที่สถาบันอุดมศึกษาพัฒนาขึ้นหรือแบบทดสอบตามมาตรฐานสากลอื่นๆ เทียบเคียงผลกับมาตรฐานสากลของสหภาพยุโรปที่ใช้วัดระดับความสามารถทางภาษาในด้านการอ่าน การเขียน การฟัง และการพูด (Common European Framework of Reference for Languages: CEFR) การดำเนินงานดังกล่าวเป็นไปตามการสั่งการของเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ที่ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเร่งจัดหาโครงการหรือมาตรการต่างๆ ด้านการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษอย่างเร่งด่วน  ทั้งนี้ ทางกระทรวง อว. ได้ขานรับและขับเคลื่อนแผนการดำเนินงานตามประกาศดังกล่าว โดยกำหนดให้สถาบันอุดมศึกษาปฏิบัติตามแนวทาง ตามรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้

สมศ. ยกเครื่องผู้ประเมินภายนอก ยกระดับคุณภาพการศึกษาเชิงรูปธรรม

สมศ. ยกเครื่องผู้ประเมินภายนอก ยกระดับคุณภาพการศึกษาเชิงรูปธรรม

สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เตรียมความพร้อมผู้ประเมินภายนอกก่อนลงพื้นที่ประเมินสถานศึกษากลางปีนี้ พร้อมพัฒนาหลักสูตรเพื่ออบรมเพิ่มศักยภาพผู้ประเมินอย่างรอบด้าน ทั้งการทดสอบสมรรถนะเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy) หลักสูตรการอบรมพัฒนาศักยภาพผู้ประเมินภายนอกด้วยการเรียนรู้ผ่านอิเล็กทรอนิกส์ (e – Learning) จากนั้นพิจารณาร่วมกับคะแนนผลการประเมินการปฏิบัติงานผู้ประเมินภายนอก (QC 100) เพื่อเข้ารับการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อทดสอบสมรรถนะผู้ประเมินภายนอก โดย สมศ. ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพผู้ประเมินภายนอก เพราะผู้ประเมินภายนอกเป็นเสมือนตัวแทนของ สมศ. ในการประเมินคุณภาพภายนอกและให้ข้อเสนอแนะกับสถานศึกษา เพื่อให้การประเมินคุณภาพภายนอกเป็นการประเมินโดยผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อที่จะสามารถให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์กับสถานศึกษาและเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม ดร.นันทา หงวนตัด รักษาการผู้อำนวยการ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา สมศ. กล่าวว่า สมศ. มีการเตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน ก่อนที่จะเริ่มการประเมินคุณภาพภายนอก ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออนไซต์ในช่วงเดือนมิถุนายน 2567 โดยการส่งเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับกรอบแนวทางการประเมินคุณภาพภายนอกให้แก่สถานศึกษา การพัฒนาเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการประเมิน และการจัดอบรมเพื่อพัฒนาเพิ่มความรู้สร้างศักยภาพให้แก่ผู้ประเมินภายนอกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ประเมินภายนอกของ สมศ. ทุกคนต้องผ่านการอบรมเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับกรอบแนวทางการประเมินคุณภาพภายนอก และต้องผ่านการทดสอบครบถ้วนทุกหัวข้อตามที่กำหนดเท่านั้นจึงจะได้รับสิทธิ์ลงพื้นที่ประเมินสถานศึกษา โดยผู้ประเมินภายนอกต้องเข้ารับการอบรมเรียงลำดับตามนี้ Advertisement “สมศ. มุ่งหวังให้การประเมินคุณภาพภายนอกในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จะส่งผลให้เกิดการพัฒนาและสร้างความเปลี่ยนแปลงของสถานศึกษาไปในทางที่ดีขึ้น โดย สมศ. ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพผู้ประเมินภายนอก เพราะผู้ประเมินภายนอกเป็นเสมือนตัวแทนของ…

การศึกษากับคุณภาพประชากร

สำนักข่าวต่างประเทศ เปิดเผยผลการสำรวจของ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน จำนวนประชากรจีนในปี 2566 ลดลงไป 2.08 ล้านคน หรือ 0.15% อยู่ที่ 1,409 ล้านคน ปี 2565 ประชากรจีนลดลง 8.5 แสนคน ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากปัญหาโรคระบาดที่ทำให้ประชากรจีนลดลง ยอดการเสียชีวิต ของคนจีนปี 2566 อยู่ที่ 11.1 ล้านคน หรือ 6.6% ในขณะที่ เด็กเกิดใหม่ของจีน ลดลงไปที่ร้อยละ 5.7 อยู่ที่ 9.02 ล้านคน จะเห็นว่าอัตราคนตายมากกว่าคนเกิด ระหว่างปี 2524-2558 จีนออกมาตรการการควบคุมการมีบุตร เช่น นโยบายลูกคนเดียวเพราะมองว่าอัตราการเกิดเกินความพอดี จากนั้นมานโยบายนี้มีส่วนทำให้ประชากรจีนลดลงเช่นกัน สรุปว่า จีนมีอัตราการเกิด 6.39 ต่อประชากร 1,000 คน ในขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น มีอัตราการเกิดที่ 6.3 ต่อประชากร 1,000 คน…